วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประเทศโปรตุเกส




ประเทศโปรตุเกส




ชื่อทางการ  สาธารณรัฐโปรตุเกส ( República Portuguesa)
พรมแดน  ติดกับประเทศสเปนในทางทิศเหนือและทิศตะวันออก และอยู่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกในทางทิศตะวันตกและทิศใต้
ภูมิประเทศ  ทางภาคเหนือของโปรตุเกสประกอบด้วยเทือกเขา ที่ราบสูง และ หุบเขาที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งปกคลุมพื้นที่ราว 1 ใน 3 ของประเทศ บริเวณภาคตะวันตกและภาคใต้ภูมิประเทศเป็นเนินเขาเตี้ยๆ และที่ราบต่ำ ต่อด้วยที่ราบชายฝั่งกว้างใหญ่แล้วค่อยๆลาดลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แม่น้ำที่สำคัญของโปรตุเกสได้แก่ แม่น้ำโดอุโร (Douro) แม่น้ำกวาเดียน่า (Guadiana) และแม่น้ำเทกัส (Tagus)
ภาษาทางการ  ภาษาโปรตุเกส
ระบบการปกครอง  ประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรง
เมืองหลวง  ลิสบอน
เมืองสำคัญอื่นๆ  ปอร์โต (Porto) โคอิมบรา (Coimbra) เซตูบาล (Satubal) ฟาโร (Faro)

พื้นที่  รวม  92,391 ตร.กม.
สกุลเงิน  ยูโร (€,EUR) โดย 1 EUR ประมาณ 40 บาท
ประชากร  ประมาณ 11 ล้านคน
รหัสโทรศัพท์  351





โปรตุเกส ( Portugal) หรือ สาธารณรัฐโปรตุเกส ( República Portuguesa) ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรไอบีเรียทางตอนใต้ของทวีปยุโรป โปรตุเกสมีพรมแดนติดกับประเทศสเปนในทางทิศเหนือและทิศตะวันออก และอยู่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติกในทางทิศตะวันตกและทิศใต้ นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยหมู่เกาะหลายแห่งในมหาสมุทรแอตแลนติก อาทิ อะซูรึส (Azores หรือ Açores) เกาะมาเดราและโปร์ตูซันตู และหมู่เกาะซาเวจ 


โปรตุเกสเป็นประเทศเล็กๆ มีพลเมืองไม่มาก และมีเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่โตเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยทั่วไปในสหภาพยุโรป

มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่  กล่าวคือเป็นประเทศยุโรปแห่งแรก ที่ส่งกองเรือเดินทางสำรวจทางทะเล เพื่อค้นหาดินแดนใหม่ๆ ที่ชาวยุโรปในยุคนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โดยการสนับสนุนทุนทรัพย์อย่างแข็งขันโดยราชสำนักโปรตุเกส

โปรตุเกสเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมแตกต่างกันในช่วง 3,500 ปีที่ผ่านมา ทั้งอารยธรรมของชาวไอบีเรีย (Iberians) ชาวเซลต์ (Celts) ชาวฟีนีเชีย (Phoenicians) ชาวคาร์เทจ (Carthaginians) ชาวกรีก (Greeks) ชาวโรมัน (Romans) ชาวเผ่าเยอรมัน (Germanic tribes people) และอาหรับ (Arabians)

ชาวโรมันเรียก"โปรตุเกส" ว่า "Portus Cale" อาจมาจากการผสมคำระหว่างภาษากรีก และภาษาละติน หมายความว่า "ท่าเรือที่สวยงาม" ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15- 16 โปรตุเกส คือ ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม กระจายไปทั่วโลก

หลังจากประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ พัฒนาขึ้นอำนาจของโปรตุเกสก็เสื่อมถอย
โปรตุเกสเป็นประเทศที่เก่าแก่มากชาติหนึ่งในสหภาพยุโรป และเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรามาเนิ่นนานนับหลายร้อยปี  โดยชื่อโปรตุเกสนั้น เป็นชื่อที่ชาวโรมันตั้งให้ว่า Portus Cale ซึ่งมีความหมายว่า "ท่าเรือที่สวยงาม" จึงไม่น่าแปลกใจที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากต่างเดินทางไปยังดินแดนแห่งนี้ ด้วยเพราะโปรตุเกสเป็นประเทศที่สวยงาม มีอากาศอบอุ่น ฤดูหนาวไม่หนาวจัด ทางภาคใต้ของโปรตุเกสมีอากาศอบอุ่นตลอดปี นอกจากนี้การเดินทางยังมีความสะดวกสบาย  การบริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถราง รถไฟใต้ดิน หรือรถแท็กซี่ มีอย่างแพร่หลายและค่อนข้างจะทั่วถึง ค่าครองชีพเมื่อเทียบกับยุโรปด้วยกันแล้วก็ไม่สูง คือราคาอาหารมือหนึ่งตกอยู่ที่ประมาณ 260 บาท น้ำดื่มขวดเล็กตกอยู่ที่ประมาณ 30 บาท ค่าตั๋วรถโดยสารอยู่ที่ประมาณ 50 บาท

ภูมิประเทศ

               ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป บนคาบสมุทรไอบีเรีย ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก โปรตุเกสนับเป็นประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกสุดของภาคพื้นทวีปยุโรป โดยจุดตะวันตกที่สุดของประเทศ คือ พื้นที่บริเวณแหลมโรก้า (Cabo da Roca) ส่วนทางทิศเหนือและทิศตะวันออกมีพรมแดนติดกับส่วนตะวันตกของประเทศสเปน นอกจากนี้ ประเทศโปรตุเกสยังมีดินแดนภาคพื้นสมุทรซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโปรตุเกส นั่นคือ หมู่เกาะมาไดย์ร่า (Madeira) และหมู่เกาะอะซอรึช (Açores) ในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งทั้งสองเกาะนี้เป็นเขตการปกครองตนเอง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของโปรตุเกส

สภาพอากาศในโปรตุเกส
อุณหภูมิสูงสุดเกิดขึ้นในภูมิภาค Alentejo ในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือโปรตุเกสที่ลมจากทะเลที่ไม่เย็นเช่นใน Algarve ในที่อุณหภูมิน้ำทะเลแอลจะสูงกว่าบนชายฝั่งตะวันตก
ฤดูหนาวอากาศจะอ่อนด้วยอุณหภูมิ : อุณหภูมิเฉลี่ยในปอร์โตเป็น 10 ° C ในลิสบอน, อุณหภูมิของอากาศเฉลี่ย 12 ° C ที่ระดับน้ำทะเลและไม่ค่อยถึงจุดแข็ง ฤดูหนาวใน Algarve จะอ่อนมากกับอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 ° C และปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญในภาคเหนือ
ฝนมากที่สุดในโปรตุเกสมาจากพฤศจิกายน-มีนาคม พายุเฮอริเคนจะหายากในโปรตุเกสมีข้อยกเว้นของพื้นที่ภูเขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและในภูเขาที่สูงที่สุดของโปรตุเกสที่ Serra da Estrela
ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่มีความสวยงามและอากาศสบายกับเวลาที่เหมาะที่จะเยี่ยมชมและการเดินทางภายในประเทศคือ ฝนฟ้าคะนองที่อาจเกิดขึ้นจะไม่หนักเกินไปและมักจะไม่นาน
เดือนที่ร้อนและร้อนมากที่สุดคือ : เมษายน-พฤษภาคม -- มิถุนายน -- กรกฎาคม - สิงหาคม -- กันยายน -- ตุลาคม



สถาปัตยกรรม

Mosteiro dos Jeronimos




ตั้งอยู่ในเขตเบเลม สถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manuelline)ซึ่งเป็นศิลปะกอธิคในสไตล์โปรตุเกสที่ได้รับอิทธิพลมา

จากต่างประเทศ  มีลวดลายที่สวยงามของซุ้มประตู หน้าต่างและหัวเสา มีการดัดแปลงมาจากพืชน้ำ เปลือกหอย และ เชือกสมอเรือ ฯลฯ ใช้เวลาสร้างนานถึง 70 ปี โดยองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติได้ขึ้นทะเบียนให้อารามหลวงแห่ง

นี้เป็นมรดกโลกด้วย


หอคอยแห่งเบเลม (Torre de Belem)




 หอคอยแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง แต่ก่อนเคยมีหน้าที่เป็นประภาคารและเป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องเขตเบเลม เนื่องจากบริเวณใกล้ๆกันจะมีสิ่งก่อสร้างสำคัญมากมาย ทั้งพระราชวัง อารามหลวง และอื่นๆ ตอนที่เริ่มสร้างใหม่ๆ  หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นในระหว่างปี 1515-1521 โดยได้รับอิทธิพลจากแขกมัวร์ และมีส่วนผสมของศิลปะเรอเนสซองซ์

พระราชวังซิงตร้า
ผสมผสานด้วยศิลปะหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ปลายศตวรรษที่14จนถึงต้นศตวรรษที่16จุดเด่นของการตกแต่งภายในคือศิลปะแบบอะซูเรจู(Azureju)ที่ห้องโถงอาราเบียน หรือห้องอาหารมีการจัดแสดงหีบบรรจุกระสุนที่มีภาพวาดสรรพาวุธของผู้ที่มีชื่อเสียงในสมัยด้วยโคมระย้าฝีมือช่างสกุลเวเนเชียน(Venetian)ชั้นเลิศ

อารามนิกายโดมินิกัน (Dominican) แห่งบาตานญา (Batalha) สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของชาวโปรตุเกสที่มีต่อชาวคาสตีย์ (Castilians) ในสงครามอัลชูบาร์โรตา (Aljubarrota) ในคริสต์ศักราช ๑๓๘๕ (พุทธศักราช ๑๙๒๘) อารามแห่งนี้เป็นโครงการก่อสร้างหลักของสถาบันกษัตริย์ของโปรตุเกสตลอดช่วง ๒ ศตวรรษต่อมา ณ สถานที่นี้ รูปแบบประจำชาติของโปรตุเกสที่มีความเป็นตัวตนที่แท้จริงได้ วิวัฒน์ขึ้น ซึ่งได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากศิลปะมานูเอลีน (Manueline art) ดังเห็นได้จากส่วนรอยัล คลอยสเตอร์ 




เพิ่มเติม



ศิลปะการตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องดินเผา(Azurejo)
แบบโปรตุเกส ซึ่งนิยมกันมากในศิลปะแบบรอคโกโกลวดลายช่อดอกไม้ในแจกันปากกว้างบนกระเบื้องดินเผาเคลือบกรุผนังชั้นล่างของจวน เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความสุขและชื่นชมยินดี

ลวดลายใบไม้และช่อดอกแบบฝรั่ง



บานประตูไม้แกะสลักเป็นรูปทวารบาลทหารโปรตุเกสของเก่าน่าจทำขึ้นในช่วงเดียวกับที่ได้รับพระราชทานที่ดินให้สร้างจวนกงศุลโปรตุเกสประมาณรัชกาลที่2



อาหาร
ร้าน Antiga Confeitaria de Belem





เป็นร้านกาแฟที่เก่าแก่ของประเทศโปรตุเกสในกรุงลิสบอน เปิดทำการตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 17 จุดเด่นของร้านนี้จะเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าด้วยถ้วยกาแฟกระเบื้องสีน้ำเงินและขาวแบบโบราณ โดยโปรตุเกสเป็นแหล่งค้ากาแฟระหว่างยุโรปกับประเทศในแถบลาตินอเมริกามาเป็นเวลาหลายร้อยปี และเมื่อจิบกาแฟแล้วต้องทานขนมพื้นเมืองคือ คัสตาร์ตทาร์ต ด้วย

อาหารโปรตุเกส ได้ชื่อว่ามีรสชาติอร่อยถูกปากที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรปซึ่งนิยมบริโภคปลาเป็นอาหารหลัก อาหารขึ้นชื่อของประเทศนี้คือ บาคัลเยา (Bacalhau) หรือ ปลาคอดดองเกลือ นอกจากนี้หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า ประเทศโปรตุเกสเป็นผู้เข้ามาถ่ายทอดวิธีทำขนมหวานให้กับบรรพบุรุษของไทย จนได้ประยุกต์เป็นขนมหวาน เช่นพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ดังนั้นเมื่อได้ไปโปรตุเกสก็ควรไปชิมของหวานของโปรตุเกส เช่น Pastel de Mata และ Ovos Moles เป็นต้น


ของที่ระลึก



ไก่ไม้ จากโปรตุเกส 
               ไปร้านขายของที่ระลึกที่ไหนก็เห็นแต่ไก่นี้เต็มไปหมด ที่มาก็มาจากตำนาน ไก่แห่งเมือง Barcelos
 ตำนานเล่าว่า วันหนึ่งเศรษฐีเมือง Barcelos เชิญแขกเหรื่อมางานเลี้ยงที่บ้านตัวเอง หลังจากจบงาน พบว่า ช้อนเงินที่ใช้ในงานหายไป หาคนขโมยไม่ได้ เศรษฐีก็หาแพะรับผิดได้หนึ่งคน แล้วก็เอาตัวส่งศาล ในศาล ผู้ต้องหาแพะก็ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ศาลก็ไม่เชื่อ ผู้ต้องหาชี้ไปที่ไก่ตัวนึง แล้วบอกว่า ถ้าบริสุทธิ์จริง ก็ให้ไก่ตัวนั้น ขันสามที ว่าจบแล้ว ไก่ตัวนั้น ก็ขันขึ้นมาสามที จริงๆ เป็นอันว่า ศาลก็ต้องยอมปล่อยผู้ต้องหานั้นแต่โดยดี




World Plus Tour Co., LTD
 8/29 ถ.สุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 Tel : 02-542-3900 Fax : 02-542-3911
Website :
www.worldplustour.com  E-mail : info@worldplustour.com
สเปน - โปรตุเกส 10 วัน 7 คืน (TG)
ราคา 109,900.- บาท

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เทพเจ้าตะวันตก






"ฮาเดส หรือ เฮดีส" : เทพเจ้าผู้ปกครองนรก


       ในที่ชาวโรมันเรียกว่า พลูโต (Pluto) เทพเจ้าผู้ปกครองนรกและโลกหลังความตาย ในตำนานถือว่ามีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของ ซูส ราชาแห่งเหล่าเทพ และยังถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์เพราะเทพเฮดีสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า ทรัพย์สิน
เฮดีส แท้ที่จริงแล้วเป็นเทพที่มีความยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งเช่นเดียวกับ ซูส หรือ โพไซดอน เนื่องจากเป็นพี่น้องกัน แต่ทว่าความที่เฮดีสเป็นผู้ปกครองนรกซึ่งเป็นโลกใต้ดินซึ่งมีแต่ความมืดมิดและน่ากลัว จึงไม่ใคร่ขึ้นไปยังเขาโอลิมปัส อีกทั้งเทพองค์อื่น ๆ ก็ไม่ใคร่ที่จะต้อนรับเฮดีสด้วย ดังนั้น เฮดีสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในเทพโอลิมปัสเฉกเช่นองค์อื่น ๆ



     เฮดีส ได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดีชอบของคนตายโดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้สวมหายตัวได้ ซึ่งในครั้งที่ทำสงครามกับเหล่าไททันส์นั้น เฮดีสใช้หมวกนี้ลอบเข้าไปทำลายอาวุธของไททันส์ก่อนการต่อสู้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินความดีชั่วในยมโลกอีก 3 องค์คือ ราดาแมนทีสไมนอสไออาคอส ที่เรียกว่า สามเทพสุภา และยังมีฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตายคอยช่วยอีก

       เฮดีส มีชายาองค์หนึ่งชื่อ เพอร์ซิโฟเน (Persephone) เป็นเทพแห่งฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นพระธิดาองค์เดียวของ ดีมิเทอร์ (Demeter) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเกษตร จากความงดงามของนางเพอร์ซิโฟเน ทำให้เฮดีสลืมเลือนไปหมดสิ้นว่า นางที่แท้จริงคือหลานสาวแท้ ๆ ของตน เพราะว่า ดีมิเทอร์มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐาของพระองค์เอง เมื่เฮดีสได้ฉุดนางไปเป็นเทพีแห่งนรกคู่กัน ทำให้เกิดเป็นกรณีพิพาทขึ้นระหว่างทวยเทพแห่งโอลิมปัส ซูสซึ่งเป็นองค์ประธานได้ตัดสินให้เฮดีสต้องคืนเพอร์ซิโฟเนแก่ดิมิเทอร์ เฮดีสจึงใช้อุบายทำให้เพอร์ซิโฟเนสามารถกลับมาออกมาจากนรกได้เพียงแค่ปีละ 3 เดือน และเหตุนี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้ฤดูใบไม้ผลิเกิดขึ้นเพียง 3 เดือนเท่านั้น

       ชาวกรีกโบราณจะถวายการสักการะแด่เฮดีสด้วยแกะดำ และเป็นพิธีกรรมที่เร้นลับสืบมาที่ได้ค่อนข้างยาก แต่ก็สืบทอดกันมาว่า หากจะบูชาเทพแห่งความตายหรือเทพอันใดที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวหรือชั่วร้าย ต้องบูชายัญด้วยแพะหรือแกะดำ

อิทธิพลตะวันตกที่มีต่อวัฒนธรรมจีน


 "อิทธิพลตะวันตกที่มีต่อวัฒนธรรมจีนและประชาชน" 

ได้รับพื้นที่ที่น่าสนใจของการศึกษา มันก็คล้าย ๆ กับเรื่องของ "sinicization ของ Nomads ในประเทศจีน" หรือว่าจีนมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมญี่ปุ่น, เกาหลีและเวียดนาม 

วัฒนธรรมตะวันตกไม่ว่าเมื่อเริ่มต้นในการแพร่กระจายไปยังประเทศจีนหรือไม่ มันอาจจะเริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 16 กับการมาถึงของเยซูอิตยุโรปและการแพร่กระจายของศาสนาคริสต์ในประเทศจีน สิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีตะวันตกกระจายไปยังประเทศจีนผ่านเข้าไปในนิกายเยซูอิตยุโรป 

อย่างไรก็ตาม "westernization" อาจจะเริ่มต้นขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อจำนวนขนาดใหญ่ของจีนไปทางทิศตะวันตกเพื่อศึกษาจากนั้นพวกเขานำกลับไปคิดจีนตะวันตกวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการปฏิรูปการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ที่ถูกนำมาใช้ในศตวรรษที่ 20 คนจีนไม่ได้มีคิวแมนจูเรีย (เปีย) และทรงผมตะวันตกแทนที่จะเป็นบุตรบุญธรรมและการแต่งกาย หลังจากปิดประตูสำหรับ 30 ปี, จีนเปิดใหม่เองไปทางทิศตะวันตกในปี 1979 สำหรับถัดไป 30 ปีมันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง วัตถุนิยมแบบตะวันตกและลัทธิทุนนิยมเข้ามาจีนอีกครั้ง ภาพยนตร์อเมริกันวัฒนธรรมป๊อปและแม้กระทั่งโหมดตะวันตกของความงาม (เช่นตาขนาดใหญ่ / จมูกคม) เริ่มจะมีอิทธิพลต่อจีน 

วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย

                    

วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย

          การติดต่อกับชาวต่างชาติของคนไทยในยุคสมัยต่าง ๆ มีผลต่อสังคมไทยหลายด้าน  วัฒนธรรมะตะวันตกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย  โดยวัฒนธรรมบางอย่างได้ถูกปรับใช้ให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตและประเพณีดั้งเดิม ของคนไทย  ขณะที่วัฒนธรรมบางอย่างรับมาใช้โดยตรง
    
          1.  วัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย
          ไทยได้รับวัฒนธรรมตะวันตกหลายด้านมาตั้งแต่สมัยอยุธยา  ในระยะแรกเป็นความก้าวหน้าด้านการทหาร  สถาปัตยกรรม  ศิลปวิทยาการ  ในสมัยรัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ เป็นต้นมา  คนไทยรับวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น  ทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีของคนไทยมาจนถึงปัจจุบัน
          ดัวอย่างวัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทยที่สำคัญมีดังนี้
                    1.  ด้านการทหาร  เป็นวัฒนธรรมตะวันตกแรก ๆ ที่คนไทยรับมาตั้งแต่อยุธยา  โดยซื้ออาวุธปืนมาใช้  มีการสร้างป้อมปราการตามแบบตะวันตก  เช่น  ป้อมวิไชยประสิทธิ์ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส  ในสมัยรัตนโกสินทร์มีการจ้างชาวอังกฤษเข้ามารับราชการเพื่อทำหน้าที่ให้คำ ปรึกษาด้านการทหาร  มีการตั้งโรงเรียนนายร้อย  การฝึกหัดทหารแบบตะวันตก





                    2.  ด้ารการศึกษา  ในสมัยรัชกาลที่ มีชนชั้นนำจำนวนหนึ่ง  เช่น  พระอนุชาและขุนนางได้เรียนภาษาอังกฤษและวิทยาการตะวันตก  ในสมัยรัชกาลที่ ทรงจ้างครูต่างชาติมาสอนภาษาอังกฤษและความรู้แบบตะวันตกในราชสำนัก
                    ในสมัยรัชการลที่ มีการตั้งโรงเรียนแผนใหม่  ตั้งกระทรวงธรรมการขึ้นมาจัดการศึกษาแบบใหม่  ทรงส่งพระราชโอรสและนักเรียนไทยไปศึกษาที่ประเทศต่าง ๆ เช่น  โรงเรียนแพทย์  โรงเรียนกฎหมาย  ในสมัยรัชกาลที่ มีพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับและการตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





                    3.  ด้านวิทยาการ  เช่น  ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้ความรู้ทางดาราศาสตร์จนสามารถ คำนวณการเกิดสุริยุปราคาได้อย่างถูกต้อง  ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่  ซึ่งเริ่มในสม้ยรัชกาลที่ ในสมัยรัชกาลที่ มีการจัดตั้งโรงพยาบาล  โรงเรียนฝึกหัดแพทย์และพยาบาล  ความรู้ทางการแพทย์แบบตะวันตกนี้ได้เป็นพื้นฐานทางการแพทย์และสาธารณสุขไทย ในปัจจุบัน

                    ด้านการพิมพ์  เริ่มจากการพิมพ์หนังสือพิมพ์รายปักษ์ภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2387  ชื่อ  "บางกอกรีคอร์เดอร์"  การพิมพ์หนังสือทำให้ความรู้ต่าง ๆ แพร่หลายมากขึ้น  ในด้านการสื่อสารคมนาคม  เช่น  การสร้างถนน  สะพาน  โทรทัศน์  โทรศัพท์  กล้องถ่ายรูป  รถยนต์  รถไฟฟ้า  เครื่องคอมพิวเตอร์  เป็นต้น  ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่คนไทยเป็นอย่างมาก




                    4.  ด้านแนวคิดแบบตะวันตก  การศึกษาแบบตะวันตกทำให้แนวคิดทางการปกครอง  เช่น  ประชาธิปไตย  คอมมิวนิสต์  สาธารณรัฐแพร่เข้ามาในไทย  และมีความต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง  นอกจากนี้  วรรณกรรมตะวันตกจำนวนมากก็ได้มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนรูปแบบการประพันธ์ จากร้อยกรองเป็นร้อยแก้ว  และการสร้างแนวคิดใหม่ ๆ ในสังคมไทย  เช่น  การเข้าใจวรรณกรรมรูปแบบนวนิยาย  เช่น  งานเขียนของดอกไม้สด  ศรีบูรพา

                

         5.  ด้านวิถีการดำเนินชีวิต  การรับวัฒนธรรมตะวันตกและสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มาใช้  ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยแบบเดิมเปลี่ยนแปลงไป  เช่น  การใช้ช้อนส้อมรับประทานอาหารแทนการใช้มือ  การนั่งเก้าอี้แทนการนั่งพื้น  การใช้เครื่องแต่งกายแบบตะวันตกหรือปรับจากตะวันตก  การปลูกสร้างพระราชวัง  อาคารบ้านเรือนแบบตะวันตก  ตลอดจนนำกีฬาของชาวตะวันตก  เช่น  ฟุตบอล  กอล์ฟ  เข้ามาเผยแพร่  เป็นต้น








วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คุณคิดว่าคุณเป็นคนยุคใดในปัจจุบัน



ยุค Post Modern

ปัจจุบันมีการสร้างวาทกรรมหลายอย่าง ให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาโดยการใช้ภาษาเป็นเครื่องมือทั้งพยายามสร้างวัฒนธรรมที่เป็นสากล Post Modern

Post Modern คือแนวความคิดที่มาหลังจากยุค modern ซึ่งเป็นช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่อะไรต่างๆถูกกำหนดอยู่ในหลักเกณฑ์และทฤษฏี แต่ยุค postmodern เป็นยุคที่ปฏิเสธสิ่งเดิมๆในยุคmodern โดยเน้นเสรีภาพและอิสระของบุคคล ไม่เชื่อในโลกของความจริง ไม่เชื่อเรื่องความเป็นสากล เพราะเชื่อว่าแต่ละคนแต่ละวัฒนธรรมนั้นมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ควรจะให้ใครมาตัดสินว่าอันไหนสิ่งใดดีที่สุด แล้วคิดว่าสิ่งนั้นต้องดีสำหรับคนอื่นด้วย ดังนั้นจึงไม่คิดว่าสังคมที่คิดว่าเป็นสากลนั้นไม่มีจริง